วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2564

ปลาร้าบองแม่ตุ้ย สุกจากไห...บินไปนอก

ปลาร้าบองแม่ตุ้ย สุกจากไห...บินไปนอก

ปลาร้าบองท่าตูม  จังหวัดอุดรธานี



https://youtu.be/Vy48yrZtlr8


https://youtu.be/fkx0NeGw_iE

                      ปลาร้าบองท่าตูม : เที่ยงวันทันกระแส


“ทุกวันนี้คนอีสานไปอยู่ในหลายประเทศมากขึ้น โอกาสที่จะทำปลาร้าส่งขายต่างประเทศจึงเปิดกว้าง จึงไม่แปลกที่ปลาร้าบองแม่ตุ้ยท่าตูม ผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร จ.อุดรธานี จะถูกส่งไปขายญี่ปุ่น ไต้หวัน และ สหรัฐอเมริกา”

นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พูดถึงปลาร้าบองของฝากอุดรธานี (ท่าตูม) ผลิตโดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านท่าตูม ต.หมูม่น อ.เมือง จ.อุดรธานี หนึ่งในสินค้าโอทอประดับ 3-5 ดาว ที่ถูกคัดสรรให้มาจำหน่ายในงาน “OTOP เพื่อสุขภาพ” ที่ชาเลนเจอร์ 1-2 อิมแพค เมืองทองธานี...จนคนที่มาชมงานยืนกันเต็มหน้าร้าน พาให้ร้านอื่นอิจฉาไปตามๆกัน


ส่วนที่มาของปลาร้าโกอินเตอร์ นางวนิดา โคตรศาลา (แม่ตุ้ย) เล่าว่า สืบเนื่องจากปี 2544 กรมการพัฒนาชุมชนได้เข้ามาอบรมสอนทำขนม ทอเสื่อ ทอผ้า เพื่อเอาไปขายในโครงการสินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์...แต่ทำได้ไม่นานตลาดเริ่มตัน เพราะมีแม่บ้านหลายกลุ่มทำผลิตภัณฑ์ซ้ำๆกัน

“เราจึงเลิกขาย หันมาทำปลาร้าแทน เพราะวัตถุดิบ ปลา ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หาได้ง่าย ในหมู่บ้านมีครบทุกอย่าง ถึงหลายคนจะมองว่าตลาดคงไปไม่รอด เพราะคนอีสานจะหมักปลาร้าไว้กินกันเกือบทุกบ้าน จะไปขายให้ใคร แต่เราตั้งเป้าไว้ว่า จะต้องทำปลาร้าให้เป็นที่ยอมรับ นำไปวางขายในห้างสรรพสินค้าให้ได้ และต้องให้ถึงขั้นส่งออกไปต่างประเทศได้ด้วย เพราะปลาร้าจะดีไม่ดีต้องหมักข้ามปี เนื้อปลาร้าจะแดงหอม รสชาติอร่อย”



https://youtu.be/cFAELLPmxWM


หลังจากหมักได้ที่ถึงจะเอามาทำปลาร้าบองได้หลากหลายรูปแบบ...น้ำปลาร้าสุกปรุงรส,  น้ำปลาร้าเข้มข้น, น้ำพริกตาแดง, น้ำพริกปลาย่าง, ปลาร้าบองแมงดา, ปลาร้าบองสมุนไพร แต่เครื่องปรุงทุกอย่างที่นำมาเป็นส่วนผสมต้องอบให้สุกเพื่อให้เก็บได้นาน ถูกสุขอนามัย เพราะคนกินสมัยนี้จะเน้นเรื่องความสะอาดที่มาก่อนความอร่อย

และถ้าจะส่งไปต่างประเทศ  ต้องทำเป็นปลาร้าผงหรือบองผง เพื่อสะดวกต่อการส่งออกและการบริโภคในต่างประเทศ...แค่ใส่น้ำต้มสุกคนให้ข้น เพียงเท่านี้จิ้มผักกินได้แซบอีหลีทันที

ฉะนั้นไม่น่าแปลกใจทำไมปลาร้าบองท่าตูมถึงได้ไปนอก เพราะแค่เอามาจิ้มเนื้อแกะ จิ้มผักสลัด...บอกได้คำเดียว สเต็กเนื้อเซอร์ลอยจิ้มแจ่ว เอากลับไปเลย.



#Fermented Fish 

#ปลาร้าบอง

ที่มา  ::    www.thairath.co.th/


หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดเกษรศิลคุณธรรมเจดีย์ (วัดภูผาแดง)

 หลวงปู่ลี กุสลธโร  วัดเกษรศิลคุณธรรมเจดีย์ (วัดภูผาแดง)




หลวงปู่ลี กุสลธโร เป็นพระภิกษุฝ่ายวิปัสสนาธุระ สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ศิษย์ของพระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสมฺปนฺโน) วัดเกษรศิลคุณธรรมเจดีย์ (วัดภูผาแดง) ต.หนองอ้อ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

 

ประวัติ

ชาติกำเนิด

หลวงปู่ลี กุสลธโร เกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2465ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ ที่บ้านเก่า ตำบลบ้านเก่า อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นบุตรของนายปุ่น และนางโพธิ์ ชาลีเชียงพิณ มีพี่น้องร่วมกัน 9 คน เรียนจบชั้นประถม 3เมื่ออายุ 12 ปี และแต่งงานกับนางสาวตี เมื่ออายุประมาณ 20 ปี นางสาวตีตั้งท้อง เมื่อคลอดปรากฏว่าลูกเสียชีวิค ท่านได้รู้สึกเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง

การแต่งงานครั้งนี้ ท่านเล่าว่า ที่แต่งกับนางสาวตี มิได้แต่งเพราะความรัก หากแต่เป็นการแต่งแบบคลุมถุงชน โดยที่ท่านยังไม่เคยรักผู้ใดเลย ท่านอยู่กับภรรยาได้เพียง 2 ปี 3 เดือน จึงขอออกบวชเพราะได้ฟังธรรมจากพระกรรมฐานที่เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์มั่นแล้วรู้สึกเลื่อมใส

 

อุปสมบท

หลวงปู่ลี อุปสมบทที่ วัดศรีโพนเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เมือวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๔๙๓ โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

(หลวงปู่ลี กุสลธโร ท่านบวชพระเมื่อครั้งงานเผาศพพระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต และเมื่ออุปสมบทได้ฉายานามว่า “กุสลธโร” แปลว่า “พระผู้ทรงไว้ซึ่งความดี” )

 

พระธรรมโอวาท

...บ่ทันนาน คั่นจิตเป็นปัจจุบันอยู่ฮั่น บ่เห็นหนึ่งต้องแนวหนึ่งหละ มันซิเกิดเฮ็ดให้มันเป็นปัจจุบัน อดีตที่ล่วงมาแล้ว ก็อย่าไปคำนึงเลย มันก็ออกไปจากปัจจุบันนั่นหละ อนาคตคือกัน มันออกไปจากปัจจุบันนี่ละ อย่าไปคำนึงมันเลย คุมมันเข้า เบิ่ง ให้เบิ่งหัวใจเจ้าของนั่นละ อย่าไปเบิ่งหัวใจผู้อื่น... คั่นคุมเจ้าของแท้ๆ ต้องเห็น คั่นพิจารณาสภาพร่างกายก็พิจารณาอยู่ฮั่น แต่พื้นเท้ามาศีรษะ แต่ศีรษะลงมาพื้นเท้า ให้พิจารณาอยู่ฮั่น เอาแหมะ ๒๔ ชั่วโมงนี่ บ่ให้มันปากมาเลย ต้องเกิดแน่... อันนี้หัวใจมันแลนอยู่นำโลกนำสงสารพุ่น มันบ่ปักมั่น แล้วซิเห็นหยังฮั่น คือกินข้าวเนี่ย กินนอนอยู่ ย้ายไปนั่น นอนอยู่ก็ไปฮั่น นอนก็ไปนี่ เลยบ่อิ่มจักที นี่เรื่องมัน

 

เอ้า พิจารณามันซี คั่นคุมเข้าแท้ๆ มันซิต้องจับได้เงื่อน เดี๋ยวมันซิเกิดอันนั้นเกิดอันนี่โลด นี่เฮ็ดจริงทำจริงมันต้องรู้จริง... ไอ้ พิจารณาโตนี่ละ โตสำคัญ ถ้าหากว่าได้จับจุดได้ละ เออ มันซิออกอุทานบัดทีนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อริยสัจทั้งนั้น... คั่นตีแตกอริยสัจนี่ได้แล้ว ฮ่วย! กราบพระพุทธเจ้ากราบครูอาจารย์ โอ๊ย มันก็กราบอยู่จังซั่นหละ หมดคืนหละ นี่ เพิ่นเว่าจริงเฮ็ดจริง มันซิประมวลมาหมดดอก อันพระพุทธเจ้าเพิ่นเห็นนะ มันซิมาเกิดจากใจเฮานี่ละ... ให้พากันเร่งความพากความเพียร...

— หลวงปู่ลี กุสลธโร

วัดป่าภูผาแดง

 

การมีส่วนร่วมในโครงการผ้าป่าช่วยชาติ

หลวงปู่ลีเป็นผู้ที่มีอุปนิสัยมักน้อย สันโดษ มีความเคารพรักครูบาอาจารย์เป็นสำคัญ

เช่นเหตุการณ์ผ้าป่าช่วยชาติที่ หลวงตามหาบัวจัดตั้งขึ้น ท่านได้ร่วมถวายทองคำเข้าโครงการกว่า 500 กิโลกรัม ซึ่งแสดงให้เห็นความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ครูอาจารย์อย่างที่สุด หลังจากนั้นสาธุชน ก็มีศรัทธาเลื่อมใสและได้มีร่วมทำบุญกับหลวงปู่ลี ตั้งแต่นั้น

 

ละสังขาร

หลวงปู่ลีมีอาการอาพาธตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ด้วยโรคชราและละสังขารอย่างสงบในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.15 น. ณ ห้องปลอดเชื้อ ข้างศาลาใหญ่ สิริอายุ 96 ปี 1 เดือน 11 วัน   โดยก่อนหน้านี้ได้มีข่าวการละสังขารของหลวงปู่ เมือ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 และได้มีแถลงการณ์เรื่องการอาพาธของหลวงปู่ลี ว่ายังอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ โรงพยาบาลอุดรธานี และแพทย์ทางเลือกเป็นระยะๆ และได้ละสังขารอย่างสงบ ตามประกาศล่าสุดของทางทีมแพทย์

 

อ้างอิง

http://www.jdphadang.org/index.php/sample-sites-2/prawatluangpulee บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2561

 

 'หลวงปู่ลี'ละสังขารอย่างสงบที่วัดภูผาแดง-Thaipost.net

URL:https://www.thaipost.net/main/detail/21274




พญานาคราชมุจลินทร์ วัดภูตะเภาทอง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

 พญานาคราชมุจลินทร์ วัดภูตะเภาทอง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

ชวนเที่ยว “วัดภูตะเภาทอง” อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะและประวัติศาสตร์ เรือสำเภาอายุถึง 2,500 ปี ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน บ้านหนองแวงศรีชมภู ต.กุดหมากไฟ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ยังมีจุดเด่นที่มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ “พญานาคราชสีทอง” ชื่อมุจลินท์ ซึ่งหลวงพ่อได้สร้างขึ้นตามนิมิต และ “รอยฝ่ามือแดง” ที่ปรากฏให้เห็นตรงหินก้อนใหญ่ แหล่งขอโชคลาภแห่งใหม่ของเมืองอุดร

นายโสพล อินนำคา ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 บ.หนองแวงชุมพล ต.กุดหมากไฟ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า วัดภูตะเภาทอง ปัจจุบันมีพระครูเขมกาญจโนภาส (สุพรรณ) เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์ 5 รูป สามเณร 1 รูป เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตนิกาย เป็นพื้นที่ได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้จัดตั้งวัดอย่างถูกต้องบนเนื้อที่กว่า 15 ไร่ พื้นที่ส่วนมากเป็นลานหิน ซึ่งนักวิชาการสันนิษฐานว่า เดิมเป็นทะเล ต่อมาเกิดการยกตัวขึ้นเป็นลานหินและพื้นดิน คาดว่าจะมีกลุ่มคนผู้เลี้ยงสัตว์ หรือนายพรานใช้เป็นเส้นทางในการล่าสัตว์ เนื่องจากมีการพบรอยฝ่ามือมนุษย์ข้างหินก้อนใหญ่ ปัจจุบันเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพียง 4 เดือน โดยก่อนหน้านี้ วัดแห่งนี้จะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของชาวบ้านและเป็นแหล่งศึกษาดูงานของคนต่างพื้นที่

นอกจากจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแล้ว วัดแห่งนี้ยังมีจุดเด่นที่มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ “พญานาคราชสีทอง” ชื่อมุจลินท์ ซึ่งหลวงพ่อ (เจ้าอาวาส) ได้สร้างขึ้นตามนิมิต และ “รอยฝ่ามือแดง” ที่ปรากฏให้เห็นตรงหินก้อนใหญ่ เราตั้งชื่อหินนั้นว่าเรือสำเภา เพราะมีรูปร่างคล้ายเรือ นักท่องเที่ยวที่มาแทบทุกคนต่างพากันคลานลอดใต้หินที่มีรูปร่างคล้ายเรือสำเภา ที่เชื่อว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากตนเอง ก่อนจะไปขอพรโชคลาภจากรูปปั้นพญานาค สำหรับรอยฝ่ามือแดงนั้น เราได้ให้กรมศิลปากรตรวจสอบแล้ว และมีผลยืนยันว่ามีอายุประมาณ 2,500 ปี โดยมีอายุใกล้เคียงกับผาแต้ม จ.อุบลราชธานี โดยช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประมาณวันละ 1,000 คน ส่วนวันธรรมดา มีประมาณ 300-400 คน ส่วนนักท่องเที่ยวบางคนที่มาที่นี่ ต่างมาขอโชคขอลาภ และสมปรารถนา เพราะมีคนขายลอตเตอรี่คนหนึ่งเขาเคยขอพรกับองค์รูปปั้นปู่ “มุจลินท์นาคราช” โดยบอกว่าอยากร่ำอยากรวยมีโชคลาภ แล้วถูกลอตเตอรี่ 5 ใบ แต่เขาไม่ยอมบอกว่าถูกรางวัลใด อีกทั้งเมื่องวดที่ผ่านมามีคนกรุงเทพฯ มาตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นบนบานขอพร รวมทั้งเป็นสถานที่ขอโชคลาภ และที่พึ่งทางใจของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ที่ทยอยเดินทางมาเที่ยวชม หลังทราบข่าวจากสื่อโซเชียล โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องได้ด้วยรถส่วนตัว โดยใช้เส้นทางทางหลวงแผ่นดิน 2315 ถึงสี่แยกสัญญาณไฟแดง อ.หนองวัวซอ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนทางหลวงชนบท 4022 ซึ่งจะมีป้ายบอกทางตลอดเส้นทาง


CR  ::    www.mahatsachan.com/

เที่ยววัดภูตะเภาทอง เรือสำเภาอายุ 2500 ปีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะและขอโชคลาภอีกแห่งของอุดร

 

เที่ยววัดภูตะเภาทอง เรือสำเภาอายุ 2500 ปีแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะและขอโชคลาภอีกแห่งของอุดร


วนเที่ยว “วัดภูตะเภาทอง” อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะและประวัติศาสตร์ เรือสำเภาอายุถึง 2,500 ปี ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน บ้านหนองแวงศรีชมภู ต.กุดหมากไฟ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ยังมีจุดเด่นที่มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ “พญานาคราชสีทอง” ชื่อมุจลินท์ ซึ่งหลวงพ่อได้สร้างขึ้นตามนิมิต และ “รอยฝ่ามือแดง” ที่ปรากฏให้เห็นตรงหินก้อนใหญ่ แหล่งขอโชคลาภแห่งใหม่ของเมืองอุดร

นายโสพล อินนำคา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านหนองแวงชุมพล ต.กุดหมากไฟ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า วัดภูตะเภาทอง ปัจจุบันมีพระครูเขมกาญจโนภาส (สุพรรณ) เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์ 5 รูป สามเณร 1 รูป เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตนิกาย เป็นพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้จัดตั้งวัดอย่างถูกต้องกว่า 15 ไร่ พื้นที่ส่วนมากเป็นลานหิน ซึ่งนักวิชาการสันนิษฐานว่า เดิมเป็นทะเล ต่อมาเกิดการยกตัวขึ้นเป็นลานหินและพื้นดิน คาดว่าจะมีกลุ่มคนผู้เลี้ยงสัตว์ หรือนายพรานใช้เป็นเส้นทางในการหากิน เนื่องจากมีการพบรอยฝ่ามือคนข้างหินก้อนใหญ่ ปัจจุบันเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพียง 4 เดือน โดยก่อนหน้านี้ วัดแห่งนี้จะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของชาวบ้านและเป็นแหล่งศึกษาดูงานของคนต่างพื้นที่

ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแล้ว วัดแห่งนี้ยังมีจุดเด่นที่มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ “พญานาคราชสีทอง” ชื่อมุจลินท์ ซึ่งหลวงพ่อได้สร้างขึ้นตามนิมิต และ “รอยฝ่ามือแดง” ที่ปรากฏให้เห็นตรงหินก้อนใหญ่ เราตั้งชื่อหินนั้นว่าเรือสำเภา เพราะมีรูปร่างคล้ายเรือ สำหรับรอยฝ่ามือแดงนั้น เราได้ให้กรมศิลปากรตรวจสอบแล้ว และมีผลยืนยันว่ามีอายุประมาณ 2,500 ปี โดยมีอายุใกล้เคียงกับผาแต้ม ที่จังหวัดอุบลราชธานี ช่วงเสาร์อาทิตย์จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประมาณวันละ 1,000 คน ส่วนวันธรรมดาก็มีประมาณ 300-400 คน


ส่วนนายปวง เทพมณี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านหนองแวงศรีชมภู ในฐานะประธานการท่องเที่ยวกลุ่ม 3 หนอง ต.กุดหมากไฟ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตอนเริ่มสร้างปู่พญานาคเจ้าอาวาสเล่าให้ฟังว่า สถานที่แห่งนี้เก่าและทรุดโทรมมาก จึงได้ว่าจ้างรถแบ็คโฮมาขุดดินตรงจุดที่จะก่อสร้างพญานาค ซึ่งอดีตเป็นคันดินธรรมดาและมีพญานาคเก่าอยู่ 2 องค์ ตอนนั้นหลวงพ่อไม่ได้บอกกล่าว แต่ให้รถมาทำการปรับปรุงเลย เมื่อกำลังจะทำการขุดเครื่องยนต์สตาร์ทติดและดับทันที โดยไม่สามารถติดเครื่องได้อีกเลยจึงจอดรถทิ้งไว้

ช่วงกลางคืนหลวงพ่อฝันว่า มีคนมาพูดว่า ท่านจะทำอะไรทำไมไม่บอกเรา ท่านจะสร้างอะไร ท่านทำลายเราทำไม พอตื่นเช้ามาหลวงพ่อนึกได้ว่าไม่ได้บอกกล่าว จึงตั้งจิตอธิษฐานบอกกล่าว รถแบ็คโฮจึงสามารถทำงานต่อไปได้ หลังสร้างเสร็จก็ยังไม่มีคนมาเที่ยว

จนกระทั่งกลางดึกของคืนหนึ่ง หลวงพ่อก็ได้ฝันอีกว่า มีคนบอกให้หลวงพ่อไปช่วยเปิดถ้ำที่อยู่ด้านบนของภูเขา และเราจะมาช่วยหลวงพ่อสร้างวัด เมื่อสร้างวัดแล้วเราจะไปเกิดเพราะอยู่ที่นี่มานาน เราชื่อ “มุจลินท์” หลวงพ่อก็ไปขุดดินเพื่อเปิดทางถ้ำตามที่ฝัน หลังขุดดินเสร็จยังไม่ทันได้เก็บเครื่องมือ คนจากต่างถิ่นก็หลั่งไหลเข้ามาที่วัด ซึ่งสร้างความประหลาดใจและรู้สึกมหัศจรรย์มาก เพราะเดิมที่วัดแห่งนี้จะไม่มีใครเข้ามา หากจะมาก็เป็นส่วนราชการที่มาศึกษาดูงาน มาแป๊บเดียวแล้วก็กลับ

คนที่มาที่นี่ต่างมาขอโชคขอลาภ และสมความปรารถนา เช่น คนขายลอตเตอรี่คนหนึ่งเขาเคยขอพรกับองค์รูปปั้นปู่ โดยบอกว่าอยากร่ำอยากรวย แล้วถูกลอตเตอรี่ 5 ใบ แต่เขาไม่บอกว่าถูกรางวัลอะไร, เมื่องวดที่ผ่านมามีคนกรุงเทพฯ มาตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นบนบานขอพร ซึ่งเขาบอกว่า 64 ก็ไม่รู้ว่าถูกเท่าไร วัดตะเภาทองเรือสำเภา 2,500 ปีถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดอุดรธานี ที่กำลังเป็นที่นิยมไม่แพ้ที่อื่นๆ ของอุดรธานี และเรียกได้ว่ามีความสวยงามอลังการที่ถูกสร้างขึ้นมาจากฝีมือของมนุษย์ ซึ่งผสานกับธรรมชาติได้อย่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ด้วยรถส่วนตัว โดยใช้เส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2315 อ.หนองวัวซอ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 4022 ซึ่งจะมีป้ายบอกทางตลอดเส้นทาง ถนนสภาพดีการคมนาคมสะดวก


ที่มา  ::  https://siamrath.co.th/

วัดเขาช่องชาด อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี

 วัดเขาช่องชาด  อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี



วัดเขาช่องชาด ตั้งบ้านหนองบัวเงิน หมู่ที่ 8 ตำบลอูบมุง อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี บริเวณสันเขาภูพานคำ เขตอุทยานแห่งชาติภูเก้าภูพานคำ เขตอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี อยู่ทางทิศใต้ ของอำเภอหนองวัวซอ ห่างจากเทศบาลตำบลอูบมุง 6 กม. สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ป่าไม้เบญจพรรณ อาทิ ป่าไผ่ ประดู่ มะค่าโมง แดง ยาง ต้นชาดและกล้วยไม้ มีสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น ไก่ป่า กระรอก กระแต นก ค้างคาว งู สุนัขป่า ฯลฯ

ประวัติ

วัดเขาช่องชาด เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2520 เป็นสำนักสงฆ์ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน คือ พระอาจารย์บุญมี ฐานะจาโร ตั้งแต่ปี 2545-ปัจจุบัน พระใหญ่เขาช่องชาด เริ่มก่อสร้างพระใหญ่เขาช่องชาด มีการวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2549 งบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้าง 10 ล้านบาท

ลักษณะเด่น

- ไหว้พระ "พระใหญ่เขาช่องชาด"
- ทิวทัศน์เขาช่องชาติ มีทัศนียภาพงดงาม เป็นกันชนเขตแดนระหว่างจังหวัดอุดรธานี กับ จังหวัดหนองบัวลำภู สามารถมองเห็นภาพธรรมชาติภายในพื้นที่อำเภอหนองวัวซอได้เกือบทั้งหมด ทางฝั่งตะวันออก ส่วนอีกฟากทางด้านตะวันตกสามารถมองเห็นอำเภอโนนสัง อำเภอเมืองจังหวัดหนองบัวลำภูได้อย่างชัดเจนและสามารถมองเห็นภูเก้าได้อย่างชัดและสวยงามอีกด้วย ทิศใต้มองเห็นเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น
ด้านทิศเหนือและทิศตะวันออก สมารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงาม ของอำเภอหนองวัวซอได้อย่างชัดเจนและมีความสวยงาม สภาพเทือกเขาเขียว ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มองเห็นเจดีย์วัดดอยบันไดสวรรค์ สภาพภูมิประเทศของอำเภอหนองวัวซอ อาทิ ตำบลอูบมุง ตำบลกุดหมากไฟ ตำบลโนนหวาย และตำบลหนองอ้อ





เขาช่องชาด มีทัศนียภาพงดงาม เป็นกันชนเขตแดนระหว่างจังหวัดอุดรธานี กับ จังหวัดหนองบัวลำภู สามารถมองเห็นภาพธรรมชาติภายในพื้นที่อำเภอหนองวัวซอได้เกือบทั้งหมด ทางฝั่งตะวันออก ส่วนอีกฟากทางด้านตะวันตกสามารถมองเห็นอำเภอโนนสัง อำเภอเมืองจังหวัดหนองบัวลำภูได้อย่างชัดเจนและสามารถมองเห็นภูเก้าได้อย่างชัดและสวยงามอีกด้วย ทิศใต้มองเห็นเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น

 


1601387818100

วัดเขาช่องชาด : ตั้งบ้านหนองบัวเงิน หมู่ที่ 8 ตำบลอูบมุง อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี บริเวณสันเขาภูพานคำ เขตอุทยานแห่งชาดภูเก้าภูพานคำ เขตอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี อยู่ทางทิศใต้ ของอำเภอหนองวัวซอ ห่างจาก  เทศบาลตำบลอูบมุง 6 กม. สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ป่าไม้เบญจพรรณ อาทิ ป่าไผ่ ประดู่ มะค่าโมง แดง ยาง ต้นชาดและกล้วยไม้ มีสัตว์ป่าหลาย ชนิด เช่น ไก่ป่า กระรอก กระแต นก ค้างคาว งู สุนัขป่า ฯลฯวัดเขาช่องชาด เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2520 เป็นสำนักสงฆ์ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน คือ พระอาจารย์บุญมี ฐานะจาโร ตั้งแต่ปี 2545-ปัจจุบัน 

160138781870

มีจุดไฮไลต์คือ “พระใหญ่เขาช่องชาด”   เริ่มก่อสร้างพระใหญ่เขาช่องชาด มีการวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2549 งบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้าง 17 ล้านบาท โดยมีประชาชนทั้งในตำบลอูบมุง อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดขอนแก่นและจากทั่ว ประเทศ มาร่วมพิธีมากมาย

160138781853

ภาพทิวทัศน์เขาช่องชาด  มีทัศนียภาพงดงาม เป็นกันชนเขตแดนระหว่างจังหวัดอุดรธานี กับจังหวัดหนองบัวลำภู สามารถมองเห็นภาพธรรมชาติภายในพื้นที่อำเภอหนองวัวซอ ได้เกือบทั้งหมด ทางฝั่งตะวันออก ส่วนอีกฟากทางด้านตะวันตกสามารถมองเห็นอำเภอโนนสัง อำเภอเมืองจังหวัดหนองบัวลำภูได้อย่างชัดเจน และสามารถมองเห็นภูเก้าได้อย่างชัดและสวยงามอีกด้วย ทิศใต้มองเห็นเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น

160138781999

ด้านทิศเหนือและทิศตะวันออก สมารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงาม ของอำเภอหนองวัวซอได้อย่างชัดเจนและมีความสวยงาม สภาพเทือกเขาเขียว ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มองเห็นเจดีย์วัดดอยบันไดสวรรค์ สภาพภูมิประเทศของอำเภอหนองวัวซอ อาทิ ตำบลอูบมุง ตำบลกุดหมากไฟ ตำบลโนนหวาย และตำบลหนองอ้อ เป็นต้น

 


 

 



22 จุดเช็คอิน กินเที่ยว ชอป ทำบุญ จังหวัดอุดรเที่ยวครบจบในจังหวัดเดียว

 22 จุดเช็คอิน กินเที่ยว ชอป ทำบุญ จังหวัดอุดรเที่ยวครบจบในจังหวัดเดียว


อุดรธานี ไปกี่ครั้งก็ฟิน มีทั้งวัดสวยๆ น่าไปทำบุญ คาเฟ่ ร้านอาหารอร่อย
ทริปนี้เลยมาชวนเพื่อนไปไหว้พระ ทำบุญ ขอพร  แล้วไปเช็คอินแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ
บอกเลยว่า ถ้าได้มาแล้วจะหลงรักจังหวัดนี้เลยแหละ จังหวัดอุดรเที่ยวครบจบในจังหวัดเดียว

1.วัดป่าดอนธาตุ

เป็นวัดป่าที่เงียบสงบล้อมรอบด้วยต้นไม้ มีเจดีย์พุทธคยาที่มีความสวยงาม คล้ายกับประเทศอินเดีย เป็นวัดป่าที่เป็นธรรมชาติน่ามาปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก และอยู่ใกล้ๆคำชะโนดเพียงไม่กี่กิโล

ตั้งอยู่ที่ บ้านดุง อำเภอ บ้านดุง อุดรธานี 41190

แผนที่ https://goo.gl/maps/7LwuUodCSMHnajoQ8

2.วัดสระมณี

วัดที่มีความสวยงามอีกแห่งของจังหวัดอุดรธานี มีบ่อน้ำแก้วมณีโชติเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ว่ากันว่า มีพญานาคราช คอยรักษาอยู่ผู้คนที่เดินทางมากราบไหว้ ขอพรองค์หลวงพ่อ และนำน้ำศักดิ์สิทธิ์กับไปที่บ้าน เพื่ออาบปะพรมศีรษะล้างหน้าเพื่อความเป็นสิริมงคล

อยู่ที่ บ้าน ผัก ต บ, ตำบล ผักตบ อำเภอหนองหาน อุดรธานี 41130

แผนที่ https://goo.gl/maps/nbdfrLKRSheUxNTk6

4.วัดป่าคำเจริญ

วัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ภายในวัดเงียบสงบเป็นวัดวิปัสนากรรมฐาน​ ร่มเย็น​ อากาศดี​ มีหลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้ขอพร ด้านหน้าจะเป็นเหมือนทางขึ้นมาจากเมืองบาดาร สวยงามมากๆ

ตั้งอยู่ที่ ตำบล วังทอง อำเภอ บ้านดุง อุดรธานี 41190

แผนที่ https://goo.gl/maps/JtHTgEafyAd8Q2BX8

5.วัดสันติวนาราม

วัดที่มีอุโบสถดอกบัวสีขาวกลางน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีความงดงามและไม่เหมือนใคร มีสะพานเดินเชื่อมไปยังพระอุโบสถภายในวิจิตรตระการตาด้วยภาพวาดฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ มีองค์พระประธานสีขาวอยู่ภายในอุโบสถให้กราบไหว้ขอพร

ตั้งอยู่ที่ บ้านเชียง ตำบล บ้านเชียง อุดรธานี, อำเภอหนองหาน อุดรธานี

แผนที่ https://goo.gl/maps/MzES4z3gKkmJVpPZA

5.วัดป่าภูก้อน

สัมผัสความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าที่รายล้อมพุทธอุทยาน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ความโดดเด่นอยู่ที่พระวิหาร ศาลาราย ที่ออกแบบให้มีลักษณะสถาปัตยกรรมยุครัตนโกสินทร์ที่สง่างามด้วยหลังคาลดหลั่นหลายชั้น รวมทั้งพระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี สลักจากหินอ่อนสีขาว มีความยาวกว่า 20 เมตร และเหนือสิ่งอื่นใด ที่นี่ยังเป็นวัดป่าที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบ จึงเหมาะกับการมาปฏิบัติธรรมและนั่งวิปัสสนากรรมฐานเป็นอย่างมาก

ที่ตั้ง : บ้านนาคำใหญ่ ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี

เวลาเปิด-ปิด : 05:30-18:30 น. ทุกวัน

แผนที่ https://goo.gl/maps/MKdPX36FoBGM7CkW7

6.คำชะโนด

ได้ยินชื่อที่แห่งนี้ สำหรับคนรุ่นก่อนก็อาจจะคิดถึงเรื่องเล่า “ผีจ้างหนัง” ที่เคยนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่ถ้าในปัจจุบัน หลายคนก็คงจะเชื่อมโยงกับตำนาน “เจ้าแม่นาคี” ที่เป็นละครดัง

คำชะโนดมีลักษณะเป็นเกาะลอยน้ำ เนื้อที่ประมาณ 20 กว่าไร่ โดดเด่นด้วย “ต้นชะโนด” ที่ขึ้นอยู่หนาแน่น ยิ่งเมื่อได้เดินเท้าเปล่าเข้ามาตามทางเดิน จะสัมผัสได้ถึงอากาศร่มเย็นและความขลังอย่างประหลาด ด้านในมีศาลบูชาองค์พญานาค “จ้าวปู่ศรีสุทโธ” และ “จ้าวย่าศรีปทุมมา” ซึ่งทุกวันจะมีคนเวียนมาบนบานศาลกล่าวกันที่นี่ไม่ขาดสาย ถัดไปด้านหนึ่งคือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า “ปล่องพญานาค” อีกด้านเป็นทางเดินไปยังต้นมะเดื่อยักษ์ ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และรูปปั้น “จ้าวปู่ศรีสุทโธ” และ “จ้าวย่าศรีปทุมมา” ตรงโคนต้นยังคงเห็นร่องรอยขัดถูตามรากไม้เพื่อหาเลขเด็ดอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าใครจะมีโชคติดมือกลับไป เพียงได้เข้ามาสัมผัสความสงบและธรรมชาติที่ยังคงรักษาไว้อย่างดี ก็คุ้มค่าแล้วจริงๆ

ที่ตั้ง : ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี

เวลาเปิด-ปิด : 06:00-18:00 น. เปิดทุกวัน

แผนที่ https://goo.gl/maps/5zSoW2W6qy9wWB2Z7

7.วัดโพธิสมภรณ์

ชวนมาสักการะพระบรมธาตุเจดีย์ สร้างขึ้นโดย หลวงปู่จันทร์ศรี จนททีโป หรือ พระอุดมญาณโมลี อดีตเจ้าอาวาสผู้เป็นที่เคารพรักของพุทธศาสนิกชน ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งหลวงปู่จันทร์ศรี ได้รับมอบมาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช รวมถึงพระธาตุของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และอัฐิของพระภิกษุผู้ที่หลวงปู่จันทร์ศรีนับถือเคารพอีกหลายรูป นอกจากนี้เรายังสามารถกราบสักการะพระพุทธรัศมี พระประธานในพระอุโบสถ อายุเก่าแก่กว่า 500 ปี รวมทั้งรอบพระพุทธบาทจำลองสร้างด้วยศิลาแลง ภายในมณฑปทิศเหนือของพระอุโบสถ

ที่ตั้ง : ถ.ธรรมเจดีย์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี

แผนที่ https://goo.gl/maps/19eaeB4ebj2HgxeW7

8.พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี

อยู่ภายในอาคารโคโลเนียล 2 ชั้นใจกลางเมืองอุดรธานี ที่ปรับปรุงมาจาก “ตึกราชินูเก่า” หรืออาคารโรงเรียนราชินูทิศ ที่สร้างตามพระดำริ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (เสาวภาผ่องศรี) โดยเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่พ.ศ. 2468 ตามปีที่ปรากฏบนหน้าจั่วอาคาร

ด้านในพิพิธภัณฑ์จึงผสานการจัดแสดงเรื่องราวของเมืองอุดรเอาไว้ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยควบคู่ไปกับบรรยากาศคลาสสิคโดยมีห้องจัดแสดงถึง 26 ห้อง ไล่เรียงชั้นล่างตั้งแต่ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ธรณีวิทยา ศิลปวัฒนธรรม รวมถึงพระประวัติและพระเกียรติคุณของกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี ส่วนชั้น 2 จัดแสดงเรื่องราววิถีชีวิตของชาวอุดรธานี มีทั้งร้านรวงสมัยโบราณ สถานีรถไฟในสมัยในยุคสมัยเหตุการณ์ รศ. 112 ไปจนถึงห้องเกี่ยวกับการปรับตัวของชาวอุดรธานีในสภาพเศรษฐกิจที่พลิกผัน

นอกจากอาคารหลัก อาคารใหม่ด้านข้างยังมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยผนังเหล็กหุ้มตัวอาคาร ฉลุลาย ‘หมี่ขิดลายสมเด็จ’ ใช้เป็นทั้งพื้นที่แสดงนิทรรศการหมุนเวียน ร้านกาแฟ และระเบียงชมหนองประจักษ์ เป็นการเปรียบเทียบประวัติศาสตร์ของตัวอาคารระหว่างความเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว

ที่ตั้ง : ถ.โพศรี ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ ระหว่าง 09:00-15:30 น. ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

แผนที่ https://goo.gl/maps/aLRib7A39HGDE5PA9

9. หมู่บ้านคีรีวงกต

แวะไปท่องเที่ยวเชิงนิเวศสไตล์นักท่องเที่ยวขาลุยกันบ้างกับหมู่บ้านคีรีวงกตหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่เหนือสุดของเมืองอุดรธานี กับการต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วย รถอีแต๊ก พาทัวร์รอบหมู่บ้านที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติสีเขียวที่มีภูเขาล้อมรอบ ลัดเลาะผ่านทุ่งนาแวะเที่ยวชม แวะลงเที่ยวสวนสตอรว์เบอรี กินข้าวปรุงแต่งแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ทั้งการหุงข้าวในกระบอกไม้ไผ่ หรือการกินอาหารบนภาชนะที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ กินเสร็จก็ถึงเวลาเดินเที่ยวป่าตามหาน้ำตก จบทริปก็นั่งรถอีแต๊กเนิบ ๆ ช้า ๆ กลับอย่างสบายใจ ส่วนใครที่อยากซึมซับวิถีชีวิตเพิ่มเติมก็นอนค้างคืนแบบโฮมสเตย์ได้เช่นกัน

ที่ตั้ง : อ.นายูง จ.อุดรธานี

แผนที่ https://goo.gl/maps/nLtr17kLQEEx58RZA

10.พิพิธภัณฑสถานบ้านเชียง

แหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่อุดมไปด้วยความรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นใน จ.อุดรธานี ภายในเป็นพื้นที่กว้างๆกว่า 25 ไร่ แบ่งพื้นที่ให้เข้าชมออกเป็น 2 ส่วนคือ โซนพิพิธภัณฑ์ที่เปิดจัดแสดงพื้นที่ที่มีการขุดค้นพบวัตถุข้าวของเครื่องใช้ และโครงกระดูกโบราณให้ชมเป็นลำดับขั้นตอน และโซนถัดมาคือส่วนของการจัดนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในอดีต มีภาพนิ่งหุ่นจำลองและสื่อนิทรรศการที่ทันสมัยมากขึ้น เพื่อให้เหมาะแก่การเรียนรู้ของเด็กๆรุ่นใหม่เลยทีเดียว
ที่ตั้ง : ม.13 ถ.สุทธิพงษ์ ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี

โทรศัพท์ : 042 208 340-1

แผนที่ https://goo.gl/maps/s5x1qXdjstuitUfg6

11.อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท

เมื่อดั้นด้นมาถึงภูพระบาทแห่งนี้ จะได้ชมทั้งสวนหินที่ผ่านการกัดกร่อนตามธรรมชาติจนงดงามแปลกตา รวมทั้งเรียนรู้อารยธรรมเก่าแก่ก่อนยุคประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น หอนางอุสา ต้นกำเนิดตำนานนางอุสากับท้าวบารส เป็นเสาหินที่ยังมีร่องรอยสลักเสลาอย่างสวยงาม รวมทั้งถ้ำและหินอื่นๆ เช่น พระพุทธบาทบัวบก รูปสลักที่วัดพ่อตา วัดลูกเขย โนนสาวเอ้ พระพุทธบาทหลังเต่า เป็นต้น และบนเส้นทางเดินชมลานหินนี้ จะไปสุดทางที่จุดชมวิว ผาเสด็จ ซึ่งสามารถชมวิวมุมกว้าง 180 องศา มองเห็นพื้นที่การเกษตร ผืนป่า และเทือกเขาสลับซับซ้อนสุดสายตา

ที่ตั้ง : อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

เวลาเปิด-ปิด : 08:00-16:30 น. ทุกวัน

แผนที่ https://goo.gl/maps/ExdSjmagfYgh8BeG6

12.ศาลเจ้าปู่ย่า และศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอุดรเชื้อสายจีนเคารพนับถือมายาวนาน สันนิษฐานว่าก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ. 2488 โดยกลุ่มพ่อค้าชาวจีนได้อัญเชิญผงธูปมาประทับที่ศาลไม้เล็กๆ ริมฝั่งหนองบัว ซึ่งก็คือที่ตั้งของศาลเจ้าปู่ย่าในปัจจุบัน และขยับขยายพื้นที่กลายเป็นศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน ภายนอกจัดพื้นที่เป็น “สวนคุณธรรมพันปี 24 กตัญญู” ท่ามกลางแมกไม้มงคล ไม่ว่าจะเป็น ต้นเครามังกร ต้นหลิว ต้นไผ่ดำ ประทัดจีน หงส์ฟู่ ฯลฯ รวมทั้งบ่อปลาคาร์ฟจักรพรรดิ์ รอบสระบัวตกแต่งด้วยประติมากรรมนูนสูงที่บอกเล่าเรื่องราว

ตำนานสุดยอด 24 กตัญญูของแผ่นดินจีน พร้อมคำบรรยายภาษาไทยและจีน ส่วนภายในพิพิธภัณฑ์คุณธรรม จัดแสดงเรื่องราวของคนไทยเชื้อสายจีน ที่เข้ามาตั้งรกรากในจังหวัดอุดรธานีเมื่อ 120 ปีก่อน ทั้งภาพยนตร์ 3 มิติเรื่องราวความเป็นมาของพลังศรัทธาต่อองค์เทพเจ้าปู่-ย่า เรื่องราวของธุรกิจการค้าในสมัยอดีต การรวมตัวของ 9 องค์กร 11 ตระกูลแซ่ ฯลฯ ชมเสร็จยังสามารถมานั่งพักกันต่อได้ที่ ร้านน้ำชาผิงอัน ที่มีทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ให้ชิมในบรรยากาศสไตล์จีนด้วยช

ที่ตั้ง : ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

เวลาเปิด-ปิด : 09:00-19:00 น. เปิดทุกวัน

แผนที่ https://goo.gl/maps/76ewy5HnRQSXvAgN8

13.Twoson cafe

คาเฟ่อุดรธานี บ้านไม้เก่าของเจ้าของที่นำของเก่ามาดัดแปลงและดีไซน์ให้กลายเป็นคาเฟ่หลังใหม่ที่ทันสมัย เน้นบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมีสวนรอบๆบ้าน ภายในตกแต่งด้วยตุ๊กตาที่สะสมของเจ้าของร้าน เมนูส่วนใหญ่ของที่นี่จะเน้นเป็นโฮมเมดที่ลงมือทำด้วยตัวเองทั้งหมด ถ้าใครได้มาที่นี่แล้วจะหลงชอบกับบรรยากาศของร้านที่นี่เลย

ที่ตั้ง:  31 ถนนอุดรดุษฎี ตำบล บ้านเลื่อม อำเภอเมืองอุดรธานี อุดรธานี 41000

โทร. 0632342243

แผนที่ https://goo.gl/maps/uWXRURbMk3ziHRzK7

14.ชบาบาร์น

ร้านอาหารอีสานบรรยากาศสไตล์อีสานโมเดิร์น มีมุมถ่ายรูปสุดเก๋เพียบ แถมอาหารแต่ละจานก็บรรจงเสิร์ฟมาอย่างใส่ใจ ทั้งหน้าตาที่น่ากินแบบฟิวชั่น และรสชาติจัดจ้านตามสูตรโบราณ โดนใจคนอีสานจนต้องบอกต่อ หรือจะพาแขกมารับรองก็ไม่เสียชื่อแน่นอน

จานอร่อยแนะนำก็เช่น แกงเห็ดรวมใส่ไข่มดแดง (มีตามฤดูกาล) ส้มตำปลาร้า ห่อผักหอยแครงลวก ห่อผักไก่นึ่งสมุนไพร กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษ เมี่ยงแซลม่อนสด แกงอ่อมป่าเนื้อโคขุน และอีกหลายเมนูสุดครีเอท ที่ต้องมาลอง
ที่ตั้ง : ซอยวัดโสมนัสสัตยาราม อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

เวลาเปิด-ปิด : 11:00-22:00 น. เปิดทุกวัน

โทร. : 093 449 6000

แผนที่ https://goo.gl/maps/ikpaFo8DBZw5ypKH6

15.บ้านนาคาเฟ่

ร้านอาหารในโรงนาสุดเก๋ที่ทั้งบรรยากาศและอาหารไม่ธรรมดาเลย ภายในร้านแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนคาเฟ่และส่วนร้านอาหาร ตัวคาเฟ่เป็นเรือนกระจกติดสระน้ำ เจ้าของร้านบอกว่าทางร้านเน้นวัตถุดิบท้องถิ่นที่ปลอดสารพิษ รวมทั้งใช้เนื้อสัตว์แต่น้อย ไม่ปรุงแต่งเยอะ เน้นไปที่รสชาติจากวัตถุดิบ แต่ยังได้ความอร่อย จึงเหมาะเป็นเมนูสำหรับคนรักสุขภาพมากๆ
เมนูแนะนำ เช่น ผัดไทยคุณยาย สลัดบ้านนา หมี่กรอบ ผัดเต้าหู้ เห็ดทอดกรอบราดซอสวาซาบิ และอีกมากมาย นั่งกินไป สูดอากาศสดชื่นไป จัดเป็นมื้อดีต่อใจจริงๆ

ที่ตั้ง : ต.หมูหม่น อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

เวลาเปิด-ปิด : 09:00-18:30 น. ปิดวันพุธแรกและพุธที่ 3 ของเดือน

โทร. : 095 426 4624

แผนที่ https://goo.gl/maps/shQDxi14jzH5kuJW9

16.ซาหมวย แอนด์ ซันส์

จากร้านตัดเสื้อเล็กๆ ของคุณป้าซาหมวย ตกทอดมาสู่รุ่นลูกทั้งสองที่ดัดแปลงให้กลายเป็นร้านอาหารระดับ Fine Dining ที่คาดไม่ถึงว่าจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ที่อุดรธานี จัดเป็นร้านระดับ Hidden Gems ที่มีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก โดยเกิดขึ้นมาจากเชฟสองพี่น้อง โจ้และหนุ่ม ที่อยากสร้างสรรค์อาหารไทยในแบบฉบับของตัวเอง

เมนูอาหารมีทั้งเมนูหากินยาก และบางเมนูใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล เช่น แกงรัญจวน ค้างคาวเผือก ขนมเบื้องญวน หมูผัดกะปิ แกงไหลบัว ยำเนื้อย่าง แกงกะหรี่กุ้ง มัสมั่นไก่บ้าน ฯลฯ เรียกว่ามีเมนูปรับเปลี่ยนให้ตื่นเต้นได้ตลอดทั้งปี

ที่ตั้ง : ถ.โพนพิสัย ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

เวลาเปิด-ปิด : 11:00-14:30 น. และ 17:00-21:30 น. ปิดทุกวันจันทร์

โทร. : 086 309 6685

17.Dos Espresso

คาเฟ่และร้านอาหารตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์ กว้างขวาง เพดานสูง ที่เกิดจากการเรโนเวทโกดังเก่าจนกลายเป็นร้านบรรยากาศเท่ๆ ในเมืองอุดรธานี โดดเด่นทั้งเครื่องดื่ม เบเกอรี่ และอาหาร โดยเฉพาะกาแฟ ที่ทางร้านพิถีพิถันคั่วเอง รวมทั้งมีเครื่องชงและเมล็ดกาแฟคั่วบดให้ซื้อกลับบ้านได้ด้วย นอกจากนี้เบเกอรี่ก็ยังหลากหลาย หน้าตาน่ากินมาก ก็มีทั้งเค้ก โทสต์ คุกกี้ แพนเค้ก ไอศครีม ให้ลิ้มลอง ส่วนอาหารจานหลักมีทั้งไทย ญี่ปุ่น ฝรั่ง หลากหลายเมนู แถมมีเครื่องดื่มสีสวยหลายสูตรให้ลิ้มลอง เรียกว่าทุกจานดูดีไม่แพ้รสชาติกันเลย

ที่ตั้ง : ถ.นเรศวร อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

เวลาเปิด-ปิด : 10:00-22:00 น. เปิดทุกวัน

โทร. : 098 661 4642

18.ก๋วยเตี๋ยวหมูหนองวัวซอ

ร้านก๋วยเตี๋ยวเก่าแก่ขึ้นชื่อของอุดรฯ ในบรรยากาศเรียบง่าย ความอร่อยอยู่ที่เนื้อหมูและน้ำซุป มาพร้อมเครื่องแน่นๆ ทั้งหมูสับ หมูชิ้น เครื่องใน กากหมู จะสั่งแบบแห้ง น้ำใส เกาเหลา มีหมด และถึงหน้าตาจะเรียบง่าย แต่รสชาติไม่ธรรมดาเลย น้ำซุปกลมกล่อม เครื่องในไม่มีกลิ่น หมูก็นุ่ม ใครมาอุดรก็มักจะแวะมากินกันจนแน่นร้านทุกวัน นอกจากก๋วยเตี๋ยว ทางร้านยังมีของหวานให้สั่งมากินปิดท้ายด้วย
ที่ตั้ง : ถ.โพศรี อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี
เวลาเปิด-ปิด : 10:00-16:00 น. เปิดทุกวัน
แผนที่ https://goo.gl/maps/pimqUWVY5sHkLpbe9

 

19.ล้านแม่โต๋ยรวยข้าวเปียก

อีกหนึ่งทางเลือกในยามเช้าของเมืองอุดรฯ มากินร้านนี้จะได้เริ่มต้นวันดีๆ ตามความหมายของชื่อร้าน ในบรรยากาศห้องแถวเรียบง่าย เมนูเด่นก็ต้อง ข้าวเปียก ที่บอกต่อความอร่อยว่าเด็ดที่น้ำซุปกลมกล่อม เนื้อซี่โครงเปื่อยได้ที่ ที่สำคัญคือเสิร์ฟมาชามใหญ่ กินทีเดียวอิ่ม รวมทั้งเมนูมื้อเช้าสไตล์เวียดนาม ไม่ว่าจะเป็น บั้นก๋วน หรือปากหม้อ บั้นแบ๋ว หรือขนมถ้วย พันหอม แกงเส้น ไข่กระทะ โจ๊ก ขนมปังใส่ไส้ แหนมและหมูยอท่าบ่อ ฯลฯ
ที่ตั้ง : ถ.ตำรวจ อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี
เวลาเปิด-ปิด : 06:30-19:39 น. เปิดทุกวัน
โทร. : 085 965 1293
แผนที่ https://goo.gl/maps/vtHQcisY9YiwTGvv6

20.นิมิตโภชนา สุกี้

มาเที่ยวอีสานแล้วเบื่อกินส้มตำ ลาบ ก้อย ลองเปลี่ยนมากินอาหารจีนหน่อยมั้ย ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่คู่เมือง เด่นที่เมนูสุกี้สูตรดั้งเดิม ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบหม้อไฟ ให้สั่งเนื้อและผักต่างๆ มาลวกเอง รสชาติน้ำจิ้มก็อร่อยไม่แพ้สุกี้เจ้าดัง หรืออยากสั่งแบบปรุงใส่ชามมาเลยก็ได้ตามสะดวก นอกจากนี้ยังมีเมนูแนะนำอื่นๆ อย่างเช่น เป็ดย่าง บะหมี่เป็ด ข้าวผัด ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว รวมไปถึงกับข้าว และอาหารจานเดียวต่างๆ เหมาะชวนมานั่งสังสรรค์กันยามเย็น

ที่ตั้ง : ถ.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

เวลาเปิด-ปิด : 10:00-22:00 น. เปิดทุกวัน

โทร. : 042 222 544

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจากเพจ : ฤ ดู ที่ ฉั น เ ที่ ย ว

http://i-san.tourismthailand.org/7197/






การทำ SEO คืออะไร

    การทำ SEO คืออะไร การทำ SEO คืออะไร เรียนรู้เทคนิคง่ายๆ ทำด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสียตังค์ "SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้...